วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

107 ความหมายของ 12 นักษัตร จากชาวจีน

...


ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่งของนายก รมต.โจว เอินไหล ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานในฐานะเจ้าบ้าน คณะแขกในงานคือ ชนชั้นสูงที่ส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของเครือราชวงศ์ในแถบประเทศยุโรป แขกทุกคน ล้วนมีการศึกษาสูง และกิริยามารยาทในสังคมดีเลิศทั้งนั้น 

แต่เบื้องหลังแต่ละคน ล้วนซ่อนความหยิ่งยโสไว้เกือบทุกคน อาจเป็นเพราะงานคืนนั้น เป็นงานเลี้ยงส่งคณะผู้มาเยือนเป็นคืนสุดท้าย แต่ละคนอาจดื่มหนักไปหน่อยเลยพูดจาค่อนข้างปล่อยวางตามอำเภอใจและแล้ว ก็มีฝรั่งท่านหนึ่ง ลุกขึ้นยืน แล้วถามว่า

"ขอทราบเหตุผลหน่อย ทำไมปีนักษัตร ๑๒ ราศีของจีน จึงมีแต่พวกหมู หมา กา ไก่ มาเป็นตัวสัญลักษณ์

ไม่เห็นจะเหมือนของพวกเราเลย ล้วนฟังดูดี มีสกุล  เช่น กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวสิงโต กลุ่มดาวแมงป่อง


ไม่รู้บรรพบุรุษพวกคุณ เอาส่วนไหนของร่างกายมาคิดตั้งราศีบ้าๆ พวกนี้ออกมา?"

พอพูดจบ ก็เป็นเสียงฮาเฮของเหล่าฝรั่งหัวแดง พร้อมชนแก้วดื่มกันสนั่นหวั่นไหว ความเป็นผู้ดีหายไปในชั่วพริบตา

เมื่อถูกเขาเจริญพรถึงบรรพบุรุษกันขนาดนี้ จะเถียงเขาอย่างไรดี จะทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจก็ย่อมจะทำได้  แต่อาจเพราะยังตั้งหลักไม่ทัน ต่างคนต่างยังเก็บความเคืองแค้นด้วยความเงียบ

แต่แล้วก็มีชาวจีนท่านหนึ่ง ลุกขึ้นยืน แล้วใช้น้ำเสียงอันราบเรียบที่สุภาพพูดขึ้นว่า

"ท่านทั้งหลาย  บรรพบุรุษของพวกเรามักยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริง ปีราศีของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ  หมุนเวียนกันหกรอบ แสดงถึงความหวังและความต้องการของบรรพบุรุษของเราที่มีต่อพวกเราทุกคน"

ในเวลานั้น เสียงฮาเฮเริ่มค่อยๆ เบาบางลง แต่สีหน้าของชาวต่างชาติแทบทุกคนยังคงแฝงไว้ด้วยแววตาที่เย้ยหยัน


"ราศีคู่แรก คือหนูและวัว หนูคือ ตัวแทนของความเฉลียวฉลาด วัวคือ สัญลักษณ์ของความขยัน


หากคนเราฉลาด แต่ขี้เกียจ ก็ไปไม่ได้ไกล

แต่ถ้าขยันแล้ว แต่ไร้หัวคิด ก็กลายเป็นไอ้โง่


สองสิ่งนี้ ต้องบวกกันเป็นหนึ่ง ก็คือคนฉลาดที่ขยัน  นั่นคือสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่บรรพบุรุษคาดหวังในตัวพวกเรา"


"คู่ที่สองคือเสือและกระต่าย 

เสือ มีความกล้าหาญเต็มร้อย กระต่าย มีความระมัดระวังเป็นคุณสมบัติประจำตัว

ความกล้าบวกกับความระมัดระวัง ถึงจะเรียกว่าคนใจถึง แต่รอบคอบ

หากมีแต่ความกล้า มันคือ ความมุทะลุ

 หากมีแต่ความระแวดระวังเกินกว่าเหตุ มันคือความขี้ขลาด"


คนจีนผู้นั้น มองกลุ่มฝรั่งนิดนึง แล้วพูดต่อ เพื่อรักษามารยาทอันดีงาม

"บางครั้ง อาจเห็นพวกเรามักนิ่งเงียบ คงจะกำลังครุ่นคิด จงอย่าเข้าใจว่าพวกเราไม่มีความกล้าซ่อนอยู่"


"คู่ที่สามคือมังกรและงู 

(งูใหญ่และงูเล็กของไทย) มังกรคือความแข็งแกร่ง งูคือ ความพลิ้วไหว ชีวิตที่แข็งทื่อเกินไปอาจต้องเผชิญกับการแตกหัก

'ยอมหักไม่ยอมงอ' จึงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป แต่พลิ้วไหวไป ก็ไร้จุดยืน เพราะฉะนั้น ในความแข็งแกร่ง ต้องมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่  ผู้ใหญ่ท่านสอนไว้แบบนี้"


"คู่ต่อไปคือ ม้าและแพะ 

ม้า มุ่งตะลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว แพะ คือ สัญลักษณ์ของความอ่อนโยน

หากคนเราเอาแต่ลุยไปข้างหน้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง คงต้องกระทบกระทั่งเขาไปทั่ว หนทางสู่จุดหมายปลายทาง คงทุลักทุเลน่าดู

แต่ถ้ามีแต่ความอ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย สุดท้ายต้องหลงทางแน่นอน สองสิ่งนี้ ต้องรวมกัน เส้นทางสู่จุดหมายจึงจะราบเรียบ"


"คู่ต่อไปคือ ลิงกับไก่ 

ลิง มีความว่องไว ไก่ ขันตามเวลาทุกเช้า มันคือความแน่นอน ความว่องไว ที่ปราศจากความแน่นอน เขาเรียกว่าความวุ่นวาย

ความแน่นอน แต่เชื่องช้าเกินเหตุ อันนี้ชีวิตอับเฉา ไร้รสชาติ ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยความสมดุลของสองสิ่งนี้ แล้วชีวิตจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"


"คู่สุดท้ายคือสุนัขและสุกร 

สุนัข มีความซื่อสัตย์สูงสุด  สุกรว่านอนสอนง่ายที่สุด

คนเรา ถ้าซื่อตรงจนเกินไป ไม่รู้จักผ่อนกฎผ่อนเกณฑ์กันบ้าง จะสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเครียดเกินเหตุ


แต่หากหัวอ่อนไป ก็จะไม่มีบรรทัดฐานของตัวเอง ลู่ไปตามลม คงไม่ดีแน่ แต่การรวมกันของสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ความสมดุลจะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา"

พออธิบายที่มาของสิบสองราศีจนครบถ้วน ชาวจีนผู้นั้นจึงถามชาวยุโรปว่า


"คงต้องขอทราบว่า สิบสองราศีของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวแมงป่อง คนแบกหม้อ คนยิงธนู มีความหมายต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า

แล้วที่บรรพบุรุษพวกคุณคัดสรรพวกนี้ออกมา ต้องการหรือคาดหวังอะไรจากพวกคุณบ้าง ช่วยชี้แนะด้วยครับ"


มีแต่ความเงียบ......

ไม่มีคำตอบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจแรงๆ


ชาวจีนที่อาสาเป็นผู้อธิบายถึงความหมายและที่มาของสิบสองราศีท่านนี้ ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ที่ชื่อว่า "โจว เอิน ไหล"


"ขจรศักดิ์"


แปลและเรียบเรียงมา

https://www.winnews.tv/news/21556


💡💡💡💡💡💡💡💡

ไม่มีความคิดเห็น: