วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บางที...อาจจะมีบางสิ่งที่คุณพลาดไป



ในวันอันเหน็บหนาว เช้าวันที่ 12 มกราคม 2550 มีเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินอองฟองพลาซ่า กรุงวอชิงตันดีซี
เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ เรื่องที่ใครไม่ได้ให้ความสนใจ และหลายคนก็เลยพลาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างน่าเสียดาย...
มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนั้นพร้อมกับไวโอลินของเขา
เป็นเช้าตรู่ของวันอันเร่งรีบ ชีพจรมนุษย์งานไหลวนไปตามเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อบ้านกับที่ทำงานและหมุนคนเข้าไปสู่ขบวนการผลิตหลากหลาย
 ผู้ชายคนนั้นหาที่นั่งเหมาะๆ แล้วก็เริ่มเล่นไวโอลิน เขาบรรเลงเพลงของบาคต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานถึง 45 นาที
แน่ล่ะ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเร่งรีบ ในชั่วขณะที่บทเพลงบรรเลงไปจนจบสิ้นนั้น มีคนเดินผ่านนักไวโอลินพเนจรคนนี้เข้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดินถึง 1,097 คน พวกเขาเหล่านั้นล้วนเร่งรีบไปทำงาน
...
ในช่วง 3 นาทีแรกดูเหมือนจะมีผู้ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนนั่งเล่นไวโอลินอยู่ตรงนั้น เขาหยุดชะงักหันไปมองสองสามวินาที แต่แล้วก็รีบเผ่นจากไป
อีกนาทีถัดจากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาและโยนเงินเหรียญ 1 ดอลลาร์ลงไปในหมวกเบสบอลของเขาโดยที่เธอไม่ได้สนใจจะหยุดฟังเสียงเพลงนั้นแม้แต่น้อย
หลายนาทีต่อมาดูเหมือนจะมีใครบางคนหยุดยืนพิงผนังตั้งใจฟังเสียงไวโอลินแว่วหวาน แต่ชายคนนั้นก็หยุดอยู่ได้ชั่วประเดี๋ยว เมื่อก้มมองดูนาฬิกา เขารีบสาวเท้าจากไป เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเข้างาน
คนที่สนใจการบรรเลงไวโอลินของนักดนตรีพเนจรมากที่สุดกลับเป็นเด็กชายวัยสามขวบ เขามากับมารดาผู้พยายามลากแขนให้รีบเผ่นไปจากตรงนั้น แต่เด็กชายก็หยุดมองด้วยความสนใจและขืนตัวเอาไว้ เขาจ้องมองคนสีไวโอลิน อยากอยู่ฟังเพลงให้นานกว่านั้น แต่แม่ก็รุนหลังพาเด็กน้อยจากไปจนได้ เขาถูกลากแขนให้เดินลิ่ว แต่ก็ยังหันหลังกลับมามองนักไวโอลินจนพ้นไปจากสายตา
เด็กหลายคนที่เดินผ่านมาล้วนมีอาการประมาณเดียวกันนี้ แต่ผู้ปกครองทุกคนเป็นเช่นเดียวกัน ไม่ยอมปล่อยให้ลูกหลานของตัวเองหยุดฟังเพลงวนิพก พวกเขาล้วนถูกบังคับให้เดินผ่านไปเร็วรี่
ตลอดเวลา 45 นาทีที่ไวโอลินบรรเลงนี้ มีคนเพียง 6 คนหยุดยืนนิ่งฟังเสียงดนตรีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง อีก 20 คนเพียงแค่เดินผ่านไปตามปกติแต่ก็ยังโยนเงินทิปให้ด้วยความเห็นใจ  
 หลังจากจบสิ้นการแสดง นักไวโอลินพเนจรได้รับเงินบริจาคในหมวกเช้านั้นมา 32 เหรียญ เขาปิดการแสดงเงียบๆโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
...
ไม่มีเสียงปรบมือ
และราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นตรงนั้น
ไม่มีใครรู้เลยว่านักดนตรีพเนจรผู้นี้คือ โจชัว เดวิด เบลล์ หนึ่งในนักดนตรีผู้มีพรสวรรค์สุดยอดของโลก และเขาเพิ่งบรรเลงบทเพลงที่งดงามที่สุดของคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเครื่องดนตรีชิ้นพิเศษ ไวโอลินโบราณอายุ 300 ปี มูลค่าถึง 3.5 ล้านดอลลาร์
เพียงสองวันก่อนหน้านี้ โจชัวเพิ่งเสร็จสิ้นการแสดงดนตรีของเขาที่บอสตันเธียเตอร์ ที่นั่งทุกเก้าอี้ในหอประชุมราคา 100 เหรียญเต็มเอียด
1,097 ชีวิตที่เดินผ่านหน้าเขาไปล้วนพลาดชมการแสดงอันยิ่งใหญ่นี้!
ถ้าเพียงแต่พวกเขาคนใดคนหนึ่งทราบว่านักดนตรีพเนจรผู้นั้นคือ โจชัว เบลล์อะไรจะเกิดขึ้น?
เรื่องนี้ถูกบอกกล่าวเล่าขานไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะขอให้ผู้ได้รับสาร เดินช้าลงและรู้จักสังเกตเส้นทางที่กำลังเดินผ่านให้มากขึ้น
บอกให้รู้จักมองผู้คน ยอมหยุดพัก ทักทาย เหลียวมองสิ่งที่น่าสนใจให้นานขึ้นอีกสักหน่อยแม้จะแลกกับการไปทำงานสายหรือผิดนัดเล็กๆน้อยๆ
 เรื่องนี้เป็นโครงการทดลองแบบเรียลริตี้ ที่โจชัวร่วมมือกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ด้วยการแอบซ่อนกล้องบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้เพื่อพิสูจน์ปฏิกิริยาผู้คนในสังคมเมืองอันเร่งรีบตามสมมุติฐานที่ตั้งเอาไว้ และนักข่าวของวอชิงตันโพสต์ผู้รายงานข่าวนี้ก็ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในปี 2551
ผลการทดลองนี้บอกว่า แม้โจชัวจะเป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยมของโลก แต่ถ้าหากไม่มีการประกาศตัวตนให้รู้ว่าเขาเป็นใคร ความงดงามแห่งเสียงเพลงก็อาจจะไม่สะกิดหูผู้ใด
ระหว่างสถานที่ยืนอยู่บนเวทีโรงละครโออ่ากับสถานีรถไฟที่ผู้คนพลุกพล่าน โจชัวยังคงบรรเลงบทเพลงเดียวกับที่เขาสะกดคนฟังทั้งฮอลล์มาแล้วด้วยเครื่องดนตรีมูลค่ามหาศาลชิ้นเดียวกัน
แต่เหตุใดเสียงดนตรีจากไวโอลินของเขาจึงสิ้นมนต์ขลังเมื่ออยู่ผิดที่ผิดทาง?
นั่นเป็นสิ่งที่น่าคิด...
ความงามที่เห็นด้วยตากับมูลค่าของสิ่งนั้นหากเราไม่รู้...จะมีความหมายอะไร?
          
โจชัว เดวิด เบลล์ เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2510 เป็นชาวอเมริกันที่มีพรสวรรค์ทางดนตรีมาตั้งแต่เริ่มรู้ความ โชคดีที่โจชัวเกิดในครอบครัวที่มารดาเป็นนักจิตวิทยาและบิดาเป็นถึงศาสตราจารย์และนักวิจัยประจำมหาวิทยาลัยอินเดียน่า เขาจึงได้รับการส่งเสริมทักษะด้านดนตรีอย่างเต็มที่ มีโอกาสเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และดนตรีก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขามานับแต่นั้น
            พรสวรรค์ของโจชัวโดดเด่นฉายแววไปตามธรรมชาติ ระหว่างที่หลงใหลอยู่ในโลกดนตรีเขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่บ้าวิดีโอเกม ชอบเล่นกีฬา ตีเทนนิส โยนโบว์ลิ่ง และสนุกสนานไปตามวัยไปกับเพื่อนๆ ไม่มีใครกดดันเขาเพื่อให้เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือให้มุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายสูงสุด
เมื่อถึงเวลาของมัน ดาราในตัวเขาจึงฉายแสงออกมาเอง
โจชัวอาจจะมีครูไวโอลินดีที่สุดที่พ่อแม่สามารถจัดหามาให้เมื่อเทียบกับนักเรียนดนตรีคนอื่นในวัยเดียวกัน แต่สิ่งที่เสริมเสน่ห์ในงานดนตรีของเขาคือประสบการณ์แบบคนธรรมดาที่ไม่มีสิ่งใดกดดันให้เขาต้องทำหรือต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ วิเศษกว่าผู้อื่น
ด้วยอายุเพียง 14 ปีเขามั่นใจพอที่จะก้าวขึ้นแสดงเดี่ยวร่วมกับฟิลาเดลเฟีย ออเคสตรา หลังจากนั้นไม่นานความสำเร็จก็เป็นของเขาเรื่อยมา
            โจชัว เบลล์ เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของวิทยาลัยดนตรีอินเดียน่าในฐานะผู้สร้างตำนานที่ยังมีชีวิต(Indiana Living Legend) และได้รับรางวัลมากมายหลังจากนั้น รวมทั้งรางวัลแกรมมี่ในปี 2536
            Gibson ex Huberman ไวโอลินอายุ 300 ปีที่โจชัวใช้อยู่เป็นเพื่อนสนิทประจำชีวิตของเขา เรื่องราวความยิ่งใหญ่และการเดินทางระหกระเหินของมันกว่าจะตกมาถึงมือโจชัววิจิตรพิสดารพันลึก จนมันกลายเป็นสุดยอดตำนานแห่งไวโอลินไปแล้ว
            นอกจากเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง โจชัว เบลล์ยังเป็นผู้อำนวยการเพลง เป็นผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์ เป็นศาสตราจารย์พิเศษทางด้านดนตรีให้กับมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกศิลปินประจำหอเกียรติยศเคนเนดี้
          แต่เวลาที่โจชัว เดวิด เบลล์มีความสุขที่สุดคือการได้อยู่ท่ามกลางในหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กๆรายรอบตัวเขา ระหว่างถูกสะกดด้วยมนต์ขลังของไวโอลินที่เป็นตำนานแห่งตำนาน 

cr.
https://bit.ly/2qtomWL
และนี่คือคลิปเหตุการณ์วันนั้น
https://bit.ly/1inEIY6

ไม่มีความคิดเห็น: