วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

อยากได้สามีเจ้าชู้

...
...
อยากได้สามีเจ้าชู้
ดิฉันจบปริญญาโททางด้านวิทยาศาสตร์ มัธยมต้นมัธยมปลายเรียนที่ อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ ตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 พ.ศ. 2536 มีพระอาจารย์จากกรุงเทพ ฯ มาสอนพระกัมมัฏฐานที่โรงเรียน ในชั่วโมงวิชาพระพุทธศาสนา บทการบริหารจิต ในวันนั้นดิฉันได้ปีสุขในฌาน สุขอย่างยิ่ง เป็นความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต พระอาจารย์สอนตลอด 5 วัน ๆ ละ 8 คาบ ที่ละห้องสองห้องในห้องจริยธรรม เพราะนักเรียนมีมากถึง 2,400 คน คาบใดที่ดิฉันว่างดิฉันต้องเข้าไปแจม ร่วมปฏิบัติกับนักเรียนห้องอื่น ๆ ทุกครั้ง ไม่เฉพาะดิฉันเท่านั้น คนอื่น ๆ ก็ทำอย่างดิฉัน นักเรียนเข้าฝึกสมาธิกันเต็มห้องจนล้นออกมาข้างนอก เพราะเป็นสภาวะธรรมใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน พวกเราตื่นเต้นได้เห็นของแปลกใหม่ พวกเราต่างชื่นชมยินดีในฌาน เคยอ่านแต่ตำราแต่ไม่เคยสัมผัสของจริงว่าเป็นอย่างไร สมาธิจึงขายดีที่สุดในสัปดาห์นี้ นักเรียนมาเรียนกันอย่างล้นหลาม ทุกคนแช่มชื่นเบิกบานในธรรมในครั้งนั้น โดยเฉพาะดิฉันประทับใจอย่างยิ่งไม่ลืมเลือนเลย ในใจดิฉันอยากออกบวชตามพระอาจารย์ในตอนนั้น นำความในใจไปปรึกษาพ่อแม่ คำตอบที่ได้มาคือ เรียนให้จบเสียก่อน....นี่คือคำขาด ยังพอมีหวังว่าจะได้บวชหลังเรียนจบ ดิฉันคิดเองเออเองอย่างนั้น ความปลื้มปีติยิ่งบังเกิดขึ้นเป็นทวีคูณ การได้บวชหลังเรียนจบเป็นเหมือนวันพรุ่งนี้สำหรับดิฉัน ในที่สุดดิฉันได้วุฒิปริญญาโท ด้านวิทยาศาสตร์ ทำงานแล้วรับปริญญาแล้ว จึงเลียบเคียงทวงสัญญาจากคุณพ่อคุณแม่ว่าจะออกบวช แต่ก็ผิดหวังเป็นคำรพ 2 ...ต้องแต่งงาน ๆๆๆ....นี่คือคำขาดที่คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันยื่นให้ ดิฉันร้องให้อยู่ 2 วัน 2 คืน ก็มานั่งทบทวนหาทางออกด้วยปัญญา รสชาดของปีติสุขในฌานยังตราตรึงไม่ลืมเลือน จบปริญญาโทแต่ต้องมานั่งร้องให้ ปัญญาเราหายไปไหนหมดละนี่ 3 วันต่อมา เพิ่อนที่ทำงานอกหักสามีทิ้งเพราะเจ้าชู้ ไปมีเมียน้อย นั่งร้องให้ขี้มูกโป่ง การงานไม่เป็นอันทำ เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ คำสอนของพระอาจารย์ดังก้อง "..ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์.." "..จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง.." "..จงมีธรรมเป็นเกาะ จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง.." ปัญญาญาณของดิฉันประดังหลั่งไหลมาดั่งสายน้ำที่เขื่อนพังทลาย ภาพพระอาจารย์ปรากฏชัดดุจเคยเรียนกับท่านเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ทั้งที่เวลาผ่านพ้นไปแล้วถึง 11 ปี ภาพใบหน้าเปี่ยมเมตตาธรรมของท่านยังปรากฏชัดเจนแก่ดิฉัน คิดถึงพระอาจารย์ เพราะแรงศัทธาในธรรมของพระอาจารย์ทำให้ดิฉันยิ้มได้ในวันนี้ ปัญญาญาณแห่งการหาทางออกบวชให้ได้มีแล้วแก่ดิฉัน...... ขับรถจากที่ทำงานมาบ้านด้วยรอยยิ้มที่กว้างสดใส เข้าไปกราบคุณพ่อคุณแม่ที่ตักอ้อนออเซาะเอาใจ พูดเรื่องบวชอีกครั้ง รู้คำตอบในใจแล้วว่าท่านทั้งสองต้องไม่อนุญาตแน่นอน ท่านทั้งสองยืนยันคำเดิมคือ.....ต้องแต่งงาน.....เท่านั้น คราวนี้ดิฉันยิ้มกว้าง กล่าวขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ แต่หนูขอเลือก.."..ขอ..คนเจ้าชู้ได้ไหมเจ้าคะ.." ..นะค่ะ..นะค่ะ..นะค่ะ.. หอมแก้มคุณพ่อคุณแม่อย่างร่าเริง ปล่อยให้คุณพ่อคุณแม่นั่ง งง กันสองคน แล้วดิฉันก็เดินเข้าห้องนั่งทรงฌานสู่ปีติสุขอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้คนเจ้าชู้ดิฉันไม่แต่ง.... ในที่สุดก็มีชายเจ้าชู้มาสู่ขอดิฉันแต่งงาน....สืบดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้ของแท้ที่ถูกใจไม่มีที่ติ จัดงานพิธีแต่งงานอย่างสมเกียรติสมฐานะของวงศ์ตระกูล หลังแต่งงานดิฉันลาออกจากงานทันทีในวันแรก มาอยู่บ้านสามี ปล่อยผมยาวสยาย ไม่แปรงฟัน สองสามวันอาบน้ำทีหนึ่ง ปล่อยกลิ่นตัวเหม็นคละคลุ้ง สามีหนีไปนอนห้องอื่น กล่าวกับสามีบ่อย ๆ แต่เพียงว่า.... พี่ ๆ นี่ถ้าหนูทำภายในให้เป็นภายนอกได้มันคงเหม็นเน่าน่าดูเลยนะคะ แมลงหวี่แมลงวันและนกกาคงบินกันรุมจิกกินตับไตใส้พุงกันอลหม่าน พี่ ๆ หนูยากบวชพี่อนุญาตให้หนูบวชนะคะ พี่หาภรรยาคนใหม่สวย ๆ นะคะ คุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาตให้บวช แต่สามีสุดเจ้าชู้สุดที่รักของดิฉัน แทบจะไล่ดิฉันออกบวชในวันแรกที่แต่งงานกันเลย ขอบพระคุณสามีดิฉันที่ให้โอกาสดิฉันมาสู่เส้นทางแห่งมัคค ผล นิพพานเจ้าค่ะ 1 เดือนหลังแต่งงานดิฉันก็ได้ออกบวชสมใจ ได้จาริกติดตามพระอาจารย์ไปเหนือจรดใต้ ผู้มีปีติในธรรม มีใจผ่องใสแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมยินดีในธรรม ที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้ว ในกาลทุกเมื่อ เจริญในธรรมเจ้าค่ะ

........เรื่องเล่าจากสุภาวดี
ที่มา : ทีมงานเว็ปธรรมะไทย

http://board.palungjit.com/showthread.php?t=113708