วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

101 เฟลมิ่ง & เชอร์ชิล

 ...

 นานมาแล้วมีชาวนาชาวสก็อตยากจนผู้หนึ่ง

ชื่อ "เฟลมิ่ง"

วันหนึ่งเขาทำงานอยู่ในไร่

เฟลมิงได้ยินเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากบึง

เขารีบวางมือจากงานที่ทำอยู่

วิ่งตรงไปที่บึงอย่างรวดเร็ว

ภาพที่เห็นคือ เด็กหนุ่มคนนึงกำลังถูกโคลนดูด

เสี้ยวเวลาแห่งความตายนั้น

ชาวนาเฟลมิงเสี่ยงตายลุยโคลนไปช่วย

จนเด็กหนุ่มรอดชีวิตมาได้ในที่สุด!


วันต่อมา มีรถหรูหรามาจอดเทียบหน้าบ้านชาวนาเฟลมิง

ขุนนางผู้สูงศักดิ์ก้าวลงมาจากรถม้า

แนะนำตัวว่าเขาเป็นบิดาของเด็กหนุ่มที่ชาวนาได้ช่วยไว้

ขุนนางต้องการตอบแทนที่ชาวนาได้ช่วยชีวิตลูกชายเขาไว้

แต่ชาวนาไม่ต้องการเรียกค่าตอบแทนใดๆ


ทันใดนั้นลูกชายของชาวนาเดินออกมาจากบ้าน

ขุนนางจึงตกลงว่าต้องการช่วยลูกชายของชาวนา

ให้ได้เรียนหนังสือมากเท่าที่เขาจะพอใจ

เพราะหากลูกชายเขาเติบโตมาเป็นเหมือนพ่อเขาแล้ว

คงต้องเป็นคนที่ดีของสังคมอย่างแน่นอน

เฟลมิงตกลงรับข้อเสนอนั้น


ลูกชายเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุด

หลังจากนั้นจึงจบจากรร.แพทย์ของรพ.เซนต์แมรี่ ลอนดอน

ชายหนุ่มคนนี้เป็นที่รู้จักทั่วโลก

ในนาม "เซอร์อเล็กซานเดอ เฟลมิ่ง"

ผู้ค้นพบยาปฏิชีวนะ นั่นเอง


ต่อมาภายหลังลูกชายของขุนนางผู้สูงศักดิ์

ที่ชาวนาเฟลมิ่งได้ช่วยไว้

เกิดล้มป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ

แล้วอะไรล่ะที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้อีกครั้ง?

ก็คือยาที่คิดค้นโดยลูกชายของชาวนาเฟลมิ่งนั่นเอง


ชื่อของชายผู้สูงศักดิ์นั้นคือ “ลอร์ดแรนดอล์ฟ เชอร์ชิล”

และลูกชายเขาที่แฟลมิ่งช่วยไว้

คือ "เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล"

ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร

และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี 2496


นี่คือเรื่องราวอีนเหลือเขื่อของกฏแห่งกรรม

ว่าเราสร้างกรรมอันใดไว้

เราย่อมได้รับผลของกรรมนั่นสนองคืนกลับมา

เหมือนชาวนาเฟลมิงได้ช่วยชีวิตเด็กชายไว้

เขาจึงได้รับผลตอบแทนดีๆตกถึงลูกชาย

จนได้หลายเป็นผู้ที่สร้างประโยชน์แก่โลกใบนี้


ส่วนขุนนางได้ทำกรรมดีตอบแทนผู้มีพระคุณ

ผลสุดท้ายกรรมดีก็ส่งผลให้ลูกชายรอดชีวิต

จากยาที่คิดค้นจากลูกชาวนานั่นเอง


กฏแห่งกรรมมีจริง ผลบุญมีจริง

เมื่อทำดีต้องได้ดีอย่างแน่นอน


cr.พระพุทธเจ้าสอนเศรษฐี

#dhammaaddict


ไม่มีความคิดเห็น: