วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

102 ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ถ้าใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ

...




        เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี 2551 นักร้องชาวแคนนาดาคนหนึ่ง นามว่าเดฟ แครอลล์ กับเพื่อนๆ สมาชิกวง ซันส์ ออฟ แมกซ์เวลล์ กำลังจะเดินทางเพื่อไปแสดงคอนเสิร์ทที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ การเดินทางครั้งนี้พวกเขาต้องไปแวะต่อเครื่องที่สนามบินโอแฮร์ในชิคาโก ก่อนจะไปถึงสนามบินปลายทาง
เดฟมีกีตาร์คู่ใจที่สุดรักสุดหวงอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งใช้ในการแสดงคอนเสิร์ททุกครั้ง และในการเดินทางครั้งนี้ เดฟก็นำกีตาร์ตัวโปรดนี้ไปด้วย แต่มันใหญ่เกินกว่าที่สายการบินจะอนุญาตให้หิ้วขึ้นเครื่องได้ จึงต้องโหลดไปใต้ท้องเครื่อง
ระหว่างต่อเครื่องที่สนามบินชิคาโก เขามองผ่านหน้าต่างเครื่องบินเห็น เผอิญเห็นพนักงานขนกระเป๋า โยนกระเป๋าใส่กีตาร้คู่ใจของเขาแบบไม่บันยะบันยัง เขาจึงรีบแจ้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานก็โบ้ยให้ไปคุยกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับ พอเดฟไปคุยกับหัวหน้า ก็ได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของเขา เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเครื่องบิน จึงแนะนำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินทันทีที่ถึงสนามบินปลายทาง แต่พอเขาไปถึงสนามบินที่เมืองโอมาฮา ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เลยสักคน
เดฟจึงต้องจำใจขนกีตาร์ออกจากสายพานลำเลียงกระเป๋า และเมื่อเปิดกระเป๋าออกดู ก็พบว่ากีตาร์ราคา 3,500 เหรียญฯ ได้รับความเสียหายมาก ต้องจ่ายค่าซ่อมไปกว่า 1,200 เหรียญฯ

หลังจากทำการแสดงเสร็จ เดฟไปแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ของสายการบินประจำสนามบินโอมาฮาก่อนจะขึ้นเครื่องกลับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถรับเรื่องร้องเรียนนี้ได้ เขาต้องไปแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ที่สนามบินต้นทาง คือสนามบินแฮลิเแฟกซ์ในโนวาสโคเชีย ประเทศแคนนาดา
เดฟทำตามคำแนะนำนั้น แต่เขาก็โดนปฏิเสธอีกครั้งด้วยเหตุผลว่า ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ไม่ได้มีสาขาอยู่ที่สนามบินนี้ เดฟใช้บริการของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ผ่านสายการบินแอร์ แคนาดา ซึ่งเป็นพันธมิตร เจ้าหน้าที่แนะนำให้เขาโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ โดยตรง
เดฟไม่ย่อท้อ เขาโทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ตามที่ได้รับคำแนะนำ แต่คอลเซ็นเตอร์นี้อยู่ในประเทศอินเดีย ถึงแม้พนักงานชาวอินเดียจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ สุดท้ายเธอแนะนำให้เดฟนำกีตาร์ไปให้สำนักงานใหญ่ของสายการบินยูไนเต็ด ที่นิวยอร์คตรวจสอบ เพื่อพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไร เดฟตอบว่าไม่สะดวกที่จะไปนิวยอร์ค พนักงานจึงรับเรื่องไปประสานต่อให้
หลายวันผ่านไป ไม่มีความคืบหน้า เดฟจึงตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขเดิมอีกครั้ง คราวนี้ปรากฎว่าเบอร์นั้นถูกปิดไปแล้ว ความพยายามตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ล้มครืนลงไปต่อหน้าต่อตา

เดฟใช้ความพยายามต่อไปอีก 2 เดือน จนในที่สุดก็ได้รับการติดต่อจากตัวแทนของสายการบิน ที่ชื่อว่า แมริแอนน์ เอิร์ลเว๊ก เธอบอกเดฟว่าบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ด้วยเหตุผล 3 ประการ
1. เขาไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของสายการบิน ตอนไปถึงสนามบินที่โอมาฮา (แต่ตอนที่ไปถึง ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่สนามบินเลย)

2. เขาไม่ได้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายใน 24 ชั่วโมง ตามกฎของสายการบิน (เพราะเขาต้องไปแสดงคอนเสิร์ทตามกำหนดการ)

3. เขานำกีตาร์ไปซ่อมโดยพลการ ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายของสายการบิน (เนื่องจากเขาต้องใช้กีตาร์ในงานคอนเสิร์ท)
เดฟพยายามประณีประนอมด้วยการขอให้สายการบิน ข่วยออกบัตรกำนัล (Gift Voucher) มูลค่า 1,200 เหรียญฯ เพื่อใช้กับสายการบินยูไนเต็ด แทนก็ได้ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ

เดฟบอกกับแมริแอนน์ว่า ถ้าเรื่องจบลงแบบนี้ เขาจะแต่งเพลงเล่าเรื่องราวแล้วอัพโหลดขึ้นบนยูทูป และในที่สุดเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ เพลง United Breaks Guitars ถูกอัพโหลดขึ้นยูทูป เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2552  และมียอดวิวถึง 150,000 ครั้งภายในเวลาแค่เพียงวันเดียว

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เขาได้รับการติดต่อจากผู้บริหารของสายการบินยูไนเต็ด และเสนอที่จะจ่ายค่าชดเชยให้ 1,200 เหรียญฯ พร้อมกับบัตรกำนัลอีก 1,200 เหรียญฯ แต่คราวนี้เดฟปฏิเสธ สุดท้ายทางสายการบินจึงตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 3,000 เหรียญฯ ให้กับสถาบันดนตรีแห่งหนึ่งแทน
เพียง 4 สัปดาห์หลังจากที่เดฟโพสคลิปนี้ขึ้นยูทูป ราคาหุ้นของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ตกลง 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 180 ล้านดอลล่าร์ มากกว่าค่าซ่อมกีตาร์ถึง 1.5 แสนเท่า หรือถ้าเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อกีตาร์ใหม่ให้กับเดฟ จะซื้อได้ถึง 51,000 ตัว !

อันนี้ยังไม่รวมชื่อเสียงที่เสียไป ซึ่งประเมินค่าไม่ได้ช่างเป็นการ เสียน้อยเสียยาก ... เสียมากเสียง่าย จริงๆ
เรื่องนี้ให้ข้อคิดดีสำหรับผู้บริหารองค์กรที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
หลายท่านอาจจะสะใจ ไม่ว่ากัน ลองฟังเพลงครับ

https://bit.ly/2SDpki2



ไม่มีความคิดเห็น: