วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ขนมคุ๊กกี้ห่อหนึ่ง

....
ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีจำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทางเธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อและเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆเธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่งเมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ

เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุงซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น

เธอมองด้วยความโกรธแต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอายกำลังกินมันให้หมดสิ้นไปเธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า

“ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็..ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย”

ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย

เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ชายหนุ่มค่อย ๆหยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้นส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น

เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า
“เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษาไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ”

เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ

เธอตกใจมากถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....

คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกินเธอลุกขึ้นทันทีแล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่มแต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า

มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่มระหว่างเดินกลับเข้าเครื่องเธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาทเป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิดมีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่นและทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเองซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมายนี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่นหลายๆสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดีแล้วคอยสังสัยตัวเองว่า”เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยังเราเข้าใจบุคคลอื่น ๆ ดีพอแล้วหรือยัง?”

จาก Forward mail และจากหลาย ๆเวป

http://chalisa.satit.net/2007/02/25/8299a184b88181b589ab88adab99b68887/

ไม่มีความคิดเห็น: