วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ความหมายของของขวัญ

...

เรื่องมีอยู่ว่า.....ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขาเพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วนหนึ่งซึ่งมีราคาแพงในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง
และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคาแพงนั้นมาห่อกล่องของขวัญ เพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส

แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้นและพูดว่า "นี่สำหรับพ่อค่ะ"เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า

" ลูกไม่รู้จริงๆ อย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย?"

เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา และพูดว่า

" โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม"

ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูกสาวของชายคนนั้นไป

และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้นไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียวและเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้ เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อยที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา

ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่งบรรจุด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจากลูกๆ, ครอบครัว และ เพื่อน ไม่มีสมบัติใดล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้วเพื่อนคือของขวัญจากพระเจ้า ผู้ซึ่งพยุงให้เรายืนขึ้นด้วยเท้าเมื่อปีกของเราไม่รู้ว่าจะบินอย่างไร มองโลกในแง่ดี และปฏิบัติดีฉัน

ขอขอบคุณสำหรับ....
…สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน
เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น…

สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่
เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน

…สำหรับภาษีที่ต้องเสีย
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ

…สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้
เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง

…สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีกิน

…สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน
เพราะนั่นหมายถึงกำลังได้รับแสงแดด

…สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีบ้าน

…สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล
เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระในการแสดงความคิดเห็น

…สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ

…สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่

…สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้

…สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่และสุดท้าย

....สำหรับอีเมล์ที่ส่งมาหาฉันมากมายซะเหลือเกิน
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเพื่อนๆ และญาติๆที่คิดถึงฉันอยู่

***ส่งข้อความนี้ไปถึงใครที่คุณห่วงใยและคิดถึง***
ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=princejaejoong&group=1&month=11-2006&date=01
และ forward mail

ไม่มีความคิดเห็น: