เป็นเรื่องของการยึดมั่นถือมั่นในคำพูด
ถึงจะตายก็ไม่ยอมเสียสัจจะที่ได้พูดออกไปแล้วเรื่องกระต่ายสามขาเป็นเรื่องจริงปรากฏในพงศาวดารในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายกล่าวไว้ว่า มีพระอาจารย์คงอยู่วัดพุทไธศวรรย์ วัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเก่งทุกอย่าง ว่าสำเร็จปร ท ไม่มีวันแก่
มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่าเจ้าเดชเป็นเด็กวัดซุกซนคะนองไปตามวัยอยู่มาวันหนึ่งมีญาติโยมของท่านอาจารย์คงนำกระต่ายย่างมาถวาย
1 ตัวขณะนำมาให้ ตัวอาจารย์คงยังจำวัดอยู่ในกุฏิเจ้าเดช
ลูกศิษย์ก็รับเอาไว้แทนว่า
จะให้ฉันตอนเพลเจ้าลูกศิษย์ตัวดีก็ได้ขโมยกินขากระตายไปหนึ่งขาพออาจารย์ถามเจ้าลูกศิษย์ก็ตอบว่ากระต่ายย่างมี
3 ขา ถึงอาจารย์จะตี
หรือทำโทษอย่างไร ก็ยังคงตอบเหมือนเดิมว่ากระต่ายมี 3 ขา
เมื่ออาจารย์คงคาดเค้นอย่างไรก็ไม่ได้ความก็ปลง และพูดว่า "อีกหน่อยมึงก็เข้าตาจน ก็ต้องยอมรับสารภาพจนได้" เจ้าลูกศิษย์
ก็ยังยืนยันคำตอบเดิมว่ากระต่ายมีสามขา
อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนี้ลูกศิษย์ตัวดีอยากแอบเข้าไปในวังเพราะอยากกินอาหารดีๆ
จึงไปขโมยเอาผลปะถะมังตัวนะปัดของอาจารย์คงเอามาทาตัว
และก็หายตัวเข้าไปกินอาหารก่อนทุกครั้งเจ้าพนักงานจับได้ว่าอาหารหายไปได้อย่างไรจึงไปถามโหรให้จับยามสามตาดูก็รู้ว่ามีคนดีชอบเข้ามาขโมยกินจึงสั่งให้ทำอาหารครั้งต่อไปให้เผ็ดๆร้อนๆยังลูกศิษย์ตัวนี้ก็แอบเข้ามากินอาหารอีกคราวนี้กินเข้าไปแล้วเหงื่อก็ไหลออกมาล้างผงละลายหายไปสิ้น ก็เห็นตัวโดนจับได้โทษถึงประหารชีวิตเจ้าพนักงานก็เอาตัวไปตระเวนบกตระเวนน้ำประกาศไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างแล้วกำหนดการประหารชีวิตเมื่อพระอาจารย์คงทราบข่าวก็ไปขอเยี่ยมที่ลานประหารแล้วถามว่ากระต่ายมีกี่ขา
ลูกศิษย์ก็ยังคงตอบยืนขาเดียว่า กระต่ายมี 3 ขาครับ ถ้าเอ็งตอบค่าตรงๆว่าขโมยไปกิน 1 ขาถ้าจะช่วยชีวิต ให้รอดตายแล้วลูกศิษย์ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่ากระต่ายมี
3 ขา
เจ้าลูกศิษย์กูนี่มันไม่กลัวตายสมเป็นลูกศิษย์ข้าพูดคำไหนคำนั้นเอาละวะข้าจะช่วยเอง
ว่าแล้วก็เสกก้านใบพลูให้เป็นคนเหมือนเจ้าลูกศิษย์แล้วสะเดาะโซ่ตรวน
เสกเจ้าเดชเป็นกุ้งฝอยเอาใส่เอาใส่น้ำเต้าอุทก แล้วเดินออกมาจากที่ประหารกลับสํานักพุทไธสวรรค์
ฝ่ายเจ้าพนักงานเมื่อถึงเวลาประหารชีวิตเพชฌฆาตก็ลงดาบคอขาดกระเด็นตกลงมากลายเป็นก้านใบพลู จึงรู้ว่าอาจารย์คงมาช่วยเอาไว้ ทางการจึงสั่งให้จับตัวมาลงโทษให้ได้ทั้ง อาจารย์กับศิษย์มาถึงวัด
ก็สั่งสอนลูกศิษย์ต่างๆนานา และให้ลูกศิษย์จัดเตรียมเข้าของอย่างรีบด่วนเพราะทางบ้านเมืองเขารู้แล้วกำลังตามมาที่วัดแล้วพูดกับลูกศิษย์ว่ากรุงศรีอยุธยาเขาไม่ต้องการคนดี
เราไปกันเถอะไม่ช้าบ้านเมืองนี้ก็จะล่มจมเพราะความประมาทขาดผู้นำที่ดีมีความสามารถพอพูดเสร็จก็เอาน้ำมนต์รดตัวลูกศิษย์กลายเป็นกุ้งฝอย
แล้วจับเอากุ้งฝอยเข้าปากอาจารย์
และเนรมิตตัวเองเป็นนกกระยางขาวบินลับฟ้าหายไปทางทิศใต้
นี่เป็นเรื่องจริง คัดลอกมาจากพงศาวดาร
ฉบับของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประชุมพงศาวดาร เล่ม6 หน้า 124
และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 2 หน้า 265 และจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขององค์การค้าคุรุสภา
2516 หน้า 86
คัดจากหนังสือ ปฏิทินฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง ปี 2561 ของ อาจารย์จำรัส ศิริ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น