วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562

กระต่ายสามขา

...

เป็นเรื่องของการยึดมั่นถือมั่นในคำพูด ถึงจะตายก็ไม่ยอมเสียสัจจะที่ได้พูดออกไปแล้วเรื่องกระต่ายสามขาเป็นเรื่องจริงปรากฏในพงศาวดารในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายกล่าวไว้ว่า  มีพระอาจารย์คงอยู่วัดพุทไธศวรรย์  วัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเก่งทุกอย่าง ว่าสำเร็จปร ท  ไม่มีวันแก่ มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่าเจ้าเดชเป็นเด็กวัดซุกซนคะนองไปตามวัยอยู่มาวันหนึ่งมีญาติโยมของท่านอาจารย์คงนำกระต่ายย่างมาถวาย 1 ตัวขณะนำมาให้  ตัวอาจารย์คงยังจำวัดอยู่ในกุฏิเจ้าเดช ลูกศิษย์ก็รับเอาไว้แทนว่า  จะให้ฉันตอนเพลเจ้าลูกศิษย์ตัวดีก็ได้ขโมยกินขากระตายไปหนึ่งขาพออาจารย์ถามเจ้าลูกศิษย์ก็ตอบว่ากระต่ายย่างมี 3 ขา  ถึงอาจารย์จะตี หรือทำโทษอย่างไร ก็ยังคงตอบเหมือนเดิมว่ากระต่ายมี 3 ขา เมื่ออาจารย์คงคาดเค้นอย่างไรก็ไม่ได้ความก็ปลง และพูดว่า  "อีกหน่อยมึงก็เข้าตาจน ก็ต้องยอมรับสารภาพจนได้"  เจ้าลูกศิษย์ ก็ยังยืนยันคำตอบเดิมว่ากระต่ายมีสามขา   อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนี้ลูกศิษย์ตัวดีอยากแอบเข้าไปในวังเพราะอยากกินอาหารดีๆ   จึงไปขโมยเอาผลปะถะมังตัวนะปัดของอาจารย์คงเอามาทาตัว และก็หายตัวเข้าไปกินอาหารก่อนทุกครั้งเจ้าพนักงานจับได้ว่าอาหารหายไปได้อย่างไรจึงไปถามโหรให้จับยามสามตาดูก็รู้ว่ามีคนดีชอบเข้ามาขโมยกินจึงสั่งให้ทำอาหารครั้งต่อไปให้เผ็ดๆร้อนๆยังลูกศิษย์ตัวนี้ก็แอบเข้ามากินอาหารอีกคราวนี้กินเข้าไปแล้วเหงื่อก็ไหลออกมาล้างผงละลายหายไปสิ้น  ก็เห็นตัวโดนจับได้โทษถึงประหารชีวิตเจ้าพนักงานก็เอาตัวไปตระเวนบกตระเวนน้ำประกาศไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างแล้วกำหนดการประหารชีวิตเมื่อพระอาจารย์คงทราบข่าวก็ไปขอเยี่ยมที่ลานประหารแล้วถามว่ากระต่ายมีกี่ขา ลูกศิษย์ก็ยังคงตอบยืนขาเดียว่า กระต่ายมี 3 ขาครับ  ถ้าเอ็งตอบค่าตรงๆว่าขโมยไปกิน 1 ขาถ้าจะช่วยชีวิต ให้รอดตายแล้วลูกศิษย์ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่ากระต่ายมี 3 ขา  เจ้าลูกศิษย์กูนี่มันไม่กลัวตายสมเป็นลูกศิษย์ข้าพูดคำไหนคำนั้นเอาละวะข้าจะช่วยเอง  ว่าแล้วก็เสกก้านใบพลูให้เป็นคนเหมือนเจ้าลูกศิษย์แล้วสะเดาะโซ่ตรวน เสกเจ้าเดชเป็นกุ้งฝอยเอาใส่เอาใส่น้ำเต้าอุทก แล้วเดินออกมาจากที่ประหารกลับสํานักพุทไธสวรรค์ ฝ่ายเจ้าพนักงานเมื่อถึงเวลาประหารชีวิตเพชฌฆาตก็ลงดาบคอขาดกระเด็นตกลงมากลายเป็นก้านใบพลู  จึงรู้ว่าอาจารย์คงมาช่วยเอาไว้  ทางการจึงสั่งให้จับตัวมาลงโทษให้ได้ทั้ง   อาจารย์กับศิษย์มาถึงวัด ก็สั่งสอนลูกศิษย์ต่างๆนานา  และให้ลูกศิษย์จัดเตรียมเข้าของอย่างรีบด่วนเพราะทางบ้านเมืองเขารู้แล้วกำลังตามมาที่วัดแล้วพูดกับลูกศิษย์ว่ากรุงศรีอยุธยาเขาไม่ต้องการคนดี เราไปกันเถอะไม่ช้าบ้านเมืองนี้ก็จะล่มจมเพราะความประมาทขาดผู้นำที่ดีมีความสามารถพอพูดเสร็จก็เอาน้ำมนต์รดตัวลูกศิษย์กลายเป็นกุ้งฝอย แล้วจับเอากุ้งฝอยเข้าปากอาจารย์ และเนรมิตตัวเองเป็นนกกระยางขาวบินลับฟ้าหายไปทางทิศใต้
นี่เป็นเรื่องจริง คัดลอกมาจากพงศาวดาร ฉบับของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประชุมพงศาวดาร  เล่ม6 หน้า 124 และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 2 หน้า 265 และจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขององค์การค้าคุรุสภา 2516 หน้า 86

คัดจากหนังสือ ปฏิทินฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง ปี 2561  ของ อาจารย์จำรัส ศิริ

ไม่มีความคิดเห็น: