วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

กาแฟแก้วนั้นบนฝาผนัง


...

นั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนในร้านกาแฟชื่อดังที่นครลอสแองเจลิส  มีลูกค้าใหม่เข้ามาในร้าน   เขาเลือกนั่งโต๊ะถัดจากเรา

เขาเรียกหาบริกร  "กาแฟสองแก้ว  แก้วหนึ่งติดไว้บนฝาผนัง" พวกเรางุนงงกับวิธีการสั่งกาแฟของเขา  สักครู่เดียวบริกรก็นำกาแฟหนึ่งแก้วมาเสิร์ฟให้เขาที่โต๊ะ  เขาก็จัดการจ่ายเงินค่ากาแฟสำหรับสองแก้วทันที  หลังจากดื่มกาแฟเสร็จและออกจากร้านไปแล้ว  บริกรก็นำเอากระดาษเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่งติดไว้บนฝาผนัง  มีข้อความเขียนไว้ว่า  "กาแฟหนึ่งแก้ว"

ถึงตอนนี้  ก็มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาอีกสองคน  สั่งกาแฟไปสามแก้ว  สองแก้วเสิร์ฟที่โต๊ะ  อีกแก้วติดไว้บนฝาผนัง  หลังจากดื่มเสร็จและชำระเงินค่ากาแฟสามแก้ว  ทั้งสองก็จากไป  แล้วบริกรก็นำกระดาษแบบเดียวกันแปะไว้บนฝาผนัง  ข้อความเหมือนเดิม  "กาแฟหนึ่งแก้ว"

พวกเรารู้สึกประหลาดใจกับวัฒนธรรมที่ดูแปลกใหม่สำหรับการสั่งกาแฟของผู้คนแถวนี้  แต่อาจเป็นเพราะพวกเราเป็นคนแปลกหน้าที่นี่  จึงยังไม่เข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้  แล้วก็คิดว่าธุระไม่ใช่  หลังดื่มกาแฟเสร็จก็จ่ายเงินแล้วจากไป

หลังจากนั้นไม่กี่วัน  พวกเราก็กลับไปที่ร้านกาแฟนั้นอีกครั้ง  ระหว่างที่พวกเรากำลังดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟที่หอมกรุ่นอยู่นั้น  ก็มีลูกค้าใหม่เข้ามาอีกราย  แต่ถ้าตัดสินจากการแต่งตัวของลูกค้ารายนี้  ดูเหมือนจะไม่เข้ากับบรรยากาศที่ดูดีของทางร้านสักเท่าไหร่  ลูกค้าแลดูน่าจะมีฐานะค่อนข้างยากจน  เขาเข้ามาในร้านพร้อมนั่งลงกับโต๊ะว่างตัวหนึ่ง  มองดูที่ฝาผนัง  ก่อนจะชี้ไปที่ฝาผนังพร้อมบอกกับบริกรที่เดินมาหาเขาถึงโต๊ะ  "ขอกาแฟบนฝาผนังแก้วหนึ่ง"  แล้วบริกรก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมเช่นเดียวกับที่มีต่อลูกค้ารายอื่นๆ

เขานั่งดื่มกาแฟแก้วนั้นจนหมดแล้วก็ลุกออกไป  ไม่มีการจ่ายเงินค่ากาแฟ  พวกเราก็ยังมองดูด้วยความมึนงง  ก่อนที่จะเห็นบริกรคนนั้นเดินไปเก็บแก้วแล้วดึงกระดาษ "กาแฟหนึ่งแก้ว" บนฝาผนังออกไปหนึ่งแผ่น  ถึงตอนนี้พวกเราถึงได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น  ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ  การรับรู้ได้ถึงผู้คนแถวนั่นช่างให้เกียรติและมีน้ำใจต่อผู้คนที่มีฐานะยากจนอย่างมาก

แท้จริงแล้ว  กาแฟสักแก้วก็คงไม่ใช่สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน  แต่มันทำให้เราตระหนักได้ว่า  เมื่อเรารู้สึกดื่มด่ำหรือมีความสุขกับสิ่งที่เราชื่นชอบ  เราอาจอยากที่จะคำนึงถึงหัวอกคนอื่นบ้าง  คนเหล่านั้นก็คงอยากมีความสุขกับความดื่มด่ำของรสชาติกาแฟสักแก้วเช่นเดียวกับเรา  เพียงแต่เขาอาจไม่มีปัญญาแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนั้น

หันกลับมาพูดถึงบริกรคนนั้น  ตอนที่เขากำลังให้บริการลูกค้าคนนั้น  สีหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มตลอดเวลา  ส่วนลูกค้าคนนั้นก็ไม่ได้แสดงตนว่าต้องลดทอนศักดิ์ศรีของตัวเองให้ต่ำต้อยเพื่อกาแฟแก้วนั้น  เขาก็แค่เดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีปกติเหมือนลูกค้าทั่วไป  แล้วมองหาแผ่นกระดาษที่เขาต้องการค้นหาบนฝาผนังให้เจอ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

ส่วนคนที่จ่ายเงินกาแฟพิเศษแก้วนั้น  เขาจ่ายเงินไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนได้ลิ้มรสกาแฟแก้วนั้น  แต่เขาก็เต็มใจที่จะจ่ายโดยไม่หวังสิ่งใดๆเป็นการตอบแทน  เขาคงคิดแค่อยากแบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  เรียบง่ายแต่แลดูสง่างามเหลือเกิน

นี่คงจะเป็นความรักและความสวยงามที่เรายังพอจะพบเจอได้บนโลกใบนี้  ขอคารวะในน้ำใจที่น่านับถือจากผู้คนเหล่านั้น

"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง

ไม่มีความคิดเห็น: